วันจันทร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

บ้านซาเลเซียน สามพราน



บ้านซาเลเซียน สามพราน

ความนำ
บ้านเณรซาเลเซียนที่บางนกแขวก ค.ศ. 1930-1940
คณะซาเลเซียนได้เข้ามาทำงานในประเทศไทยในปี ค.ศ.1927 ในระยะแรกได้ทำงาน ในสังฆมณฑลราชบุรีเท่านั้น ต่อมาในปี ค.ศ.1930 คณะซาเลเซียนจึงเปิดบ้านเณรเล็กสำหรับ สังฆมณฑลราชบุรี และของคณะด้วย ในเวลาเดียวกันก็เป็นบ้านเณรปรัชญา และเทววิทยาสำหรับ ซาเลเซียนจนถึงปี ค.ศ. 1940
บ้านเณรซาเลเซียนที่หัวหิน ค.ศ. 1947-1970
เมื่อมีการตั้งแขวงซาเลเซียนแห่งประเทศไทยแล้ว ใน ค.ศ. 1938 คณะซาเลเซียนต้องย้ายบ้านเณรออกจากบางนกแขวก แต่ยังไม่สามารถเปิดบ้านเณรใหม่ได้ จนกระทั้งสงครามโลกได้ยุติลง
ในปี ค.ศ. 1947 มีการเปิดโรงเรียนหัวหินวิทยาลัย ในปีเดียวกันนี้มีการเปิดบ้านเณรเล็กที่หัวหิน ในปีต่อมามีการเปิดบ้านนวกสถานที่หัวหิน (รุ่นพระคุณเจ้าประพนธ์ ชัยเจริญ และคุณพ่อวีระ เจนผาสุก)
ในปี ค.ศ. 1949 มีการเปิดบ้านเณรปรัชญาของคณะซาเลเซียนที่หัวหินเช่นกัน บ้านเณรปรัชญานี้ได้ดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ จนถึงปี ค.ศ. 1963 ทำให้คณะซาเลเซียนมีสมาชิกเพิ่มขึ้นมากทั้งคนไทย และคนต่างชาติ ส่วนสามเณรที่เรียนเทววิทยายังคงไปเรียนที่ต่างประเทศเสมอ ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1963 จนถึง ปี ค.ศ. 1985 บ้านเณรปรัชญาได้ย้ายไปเรียนกับเณรซาเลเซียนที่ต่างประเทศ (ฮ่องกง ฟิลิปปินส์ อินเดีย)
ส่วนบ้านเณรเล็ก ในปี ค.ศ. 1970 ได้ย้ายไปอยู่ที่โรงเรียนเซนต์ดอมินิกเป็นเวลา 10 ปี และในที่สุดปี ค.ศ. 1981 บ้านเณรเล็กชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น กลับไปอยู่ที่หัวหิน และชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายไปอยู่ที่บ้านนาซาเร็ธ บ้านโป่ง
บ้านซาเลเซียน สามพราน
บ้านซาเลเซียนตั้งอยู่บ้านเลขที่ 91 หมู่ 6 ต.ท่าข้าม อ.สามพราน จ.นครปฐม หรือกิโลเมตร ที่ 35 ตามถนนเพชรเกษมแยกซ้ายไปตามซอยวัดเทียนดัด ในซอยปีติมหาการุญ
ในปี ค.ศ. 1971 มีการเปิดบ้านสามเณรใหญ่แสงธรรม (Lux Mundi) ที่สามพราน หกเดือนแรก เปิดสอนที่หัวหิน เพราะการก่อสร้างยังไม่เสร็จ เป็นบ้านสามเณรของทุกสังฆมณฑลในประเทศไทย และเปิดสำหรับคณะนักบวชทุกคณะด้วย
คณะซาเลเซียนในประเทศไทย โดยการนำของคุณพ่อประพนธ์ ชัยเจริญ (เจ้าคณะแขวงในเวลานั้น) ได้ตัดสินใจที่จะเปิดบ้านที่สามพรานด้วยเช่นกัน เพราะคณะนักบวชอื่นๆ ก็ได้เปิดบ้านสำหรับนักศึกษาสำหรับคณะของตนเองบ้างแล้ว
ในปี ค.ศ.1972 คุณพ่อเจ้าคณะ และคณะที่ปรึกษาได้พิจารณาเรื่องการเปิดบ้านซาเลเซียนที่สามพราน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับบราเดอร์ที่เรียนเทววิทยา ฉะนั้น คุณพ่อเจ้าคณะและคณะที่ปรึกษาจึงได้ทำโครงการเพื่อซื้อที่ดิน และสร้างบ้านนักศึกษาเทววิทยาที่สามพราน
ในปี ค.ศ.1975 นั้น แขวงซาเลเซียนในประเทศไทยได้ติดต่อกับอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ เพื่อซื้อที่ดินแปลงหนึ่ง สำหรับสร้างบ้านนักศึกษาเทววิทยาของคณะ และคาดว่าประมาณอีก 2 ปี แขวง ซาเลเซียนจะสามารถส่งนักศึกษาไปศึกษาที่วิทยาลัยแสงธรรมได้
ต่อมาได้มีการดำเนินการสร้างบ้านซาเลเซียน คุณพ่อเจ้าคณะและคณะที่ปรึกษาเรียกบ้านนี้ว่า “ศูนย์การศึกษาซาเลเซียน”(1977) ภายหลังจะมีการซื้อที่อีก 10 ไร่ เพื่อสร้าง “บ้านนวกสถาน”(1979) เพื่อเป็นบ้านอบรมนวกชน และ “บ้านศานติธรรมซาวีโอ”(1982) เป็นบ้านอบรมเยาวชนและกลุ่มอื่น ๆ ที่ต้องการมาเข้าเงียบฟื้นฟูจิตใจ หรือทำกิจกรรมต่าง ๆ
ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1977 คุณพ่อเจ้าคณะและที่ปรึกษาพูดคุยกันว่า บ้านสามพรานนี้ยังสร้างไม่เสร็จ อาจจะต้องรออีก 1 ปีที่นักศึกษาเทววิทยาจะเข้ามาอยู่ได้ เพราะฉะนั้นนักศึกษาเทววิทยาจึงไปอยู่กับสามเณรพื้นเมืองของอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ ที่สามเณราลัยแสงธรรมเป็นการชั่วคราว
ในวันที่ 3 มิถุนายน ค.ศ.1977 ในโอกาสสุวรรณสมโภชของคณะซาเลเซียนในประเทศไทย ได้มีการเปิดหมู่คณะบ้านซาเลเซียน สามพราน จึงนับได้ว่าเป็นการเริ่มต้นหมู่คณะซาเลเซียน สามพราน โดยมี คุณพ่อฟรังซิส ไกส์ เป็นผู้รับผิดชอบ และสอนเทววิทยาที่แสงธรรมด้วย บ้านนี้จะตั้งขึ้นเป็นทางการในวันที่ 11 มกราคม ค.ศ.1979
เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว ในวันที่ 18 ตุลาคม ค.ศ.1979 มีพิธีเปิดบ้านอย่างเป็นทางการ โดยพระคาร์ดินัลไมเคิ้ล มีชัย กิจบุญชู มาเป็นประธาน พร้อมด้วยพระสังฆราชเปโตร คาเร็ตโต วันต่อจากการเสกบ้าน มีการประชุมอธิการของแขวงซาเลเซียนในประเทศไทยเป็นเวลา 2 วัน
บ้านซาเลเซียน สามพราน เริ่มเป็นหัวใจและเป็นที่สนใจของแขวงซาเลเซียนในประเทศไทย นอกจากนั้นแล้วสามเณรซาเลเซียนของเราก็ร่วมยินดีกับคณะนักบวชต่างๆ ในละแวกนี้ โดยไปร่วมงานฉลองต่างๆ ของพวกเขาเพื่อแสดงความเป็นหนึ่งกันในพระศาสนจักร และเพื่อสร้างมิตรภาพกับนักบวชคณะต่าง ๆ ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นด้วย
และนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาบ้านซาเลเซียน สามพราน ก็ได้เป็นบ้านอบรมที่เลี้ยงดูต้นกล้าแห่งกระแสเรียกซาเลเซียนของบรรดาสมาชิกผู้เยาว์ในรับดับต่าง ๆ กล่าวคือ บรรดาสามเณรที่ปฏิญาณตนชั่วคราวและอยู่ในช่วงของการศึกษาปรัชญา บรรดานวกชน และบรรดาโปสตูลันต์ พวกเขาได้ก้าวเข้ามาสู่เส้นทางแห่งการติดตามพระคริสตเจ้าอย่างใกล้ชิดมากขึ้น โดยมีสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการฝึกฝนเจริญชีวิตนักบวช และมีคณะผู้ใหญ่ที่เป็นเหมือนคุณพ่อบอสโกที่ทุ่มเทในการอบรม และรักพวกเขาอย่างจริงใจ ให้พวกเขาได้เติบโตตามขั้นตอนต่าง ๆ เพื่อพัฒนาไปสู่การเป็นนักบวชซาเลเซียนที่ดีในอนาคตต่อไป

ลำดับคุณพ่ออธิการของบ้านซาเลเซียน สามพราน
1. คุณพ่อฟรังซิส ไกส์ (1979-1981)
2. คุณพ่อประพนธ์ ชัยเจริญ (1981-1984)
3. คุณพ่ออูโก ซันนา (1984-1990)
4. คุณพ่อปอล ตราบุ๊คคี (1990-1992)
5. คุณพ่ออุดม นิธิภัทราภรณ์ (1992-1995)
6. คุณพ่ออูโก ซันนา (1995-1997)
7. คุณพ่อนิพนธ์ สาราจิตต์ (1997-2003)
8. คุณพ่อประธาน ศรีดารุณศีล (2003-2004)
9. คุณพ่อตีโต เปดรอน (2004-ปัจจุบัน)

ประสบการณ์ในวิธีการอบรมของคุณพ่อบอสโก

ประสบการณ์ในวิธีการอบรมของคุณพ่อบอสโก

ความคิดเกี่ยวกับการป้องกัน
ความคิดเกี่ยวกับการป้องกันเป็นสิ่งที่ธรรมดา และปฏิบัติกันในสนามงาน เพื่อป้องกันบางสิ่งบางอย่างที่ไม่ดี หรืออาจเป็นอันตรายได้ ซึ่งมันก็เป็นเรื่องธรรมดาของมิติทางสังคม การเมือง ศาสนา และในการศึกษาด้วยเช่น
- การป้องกันของสังคมเกี่ยวกับความยากจน และการขอทาน
- การป้องกันจากการเข้าคุก และการติดโรค
- การศึกษาคือการป้องกัน และการป้องกันก็ใช้ในการศึกษา
- ศาสนาเป็นเครื่องมือประการหนึ่งของการป้องกัน
คุณพ่อ Aporti ได้บอกว่าแรงจูงใจแรกเพื่อเปิดโรงเรียนสำหรับเด็กชายเป็นการทำงานเมตตาธรรมเพื่อป้องกันดีกว่าปล่อยให้ความไม่ดีเข้ามา และทำลายนักเรียน และเมื่อมันเข้ามาแล้วก็จะรักษาได้ยาก เพราะฉะนั้นโรงเรียนคาทอลิกต้องพยายามที่จะป้องกันสิ่งที่ผิดศีลธรรม จากสิ่งที่ทำให้นักเรียนเสียคน เพราะว่าเมื่อเมื่อความไม่มีศีลธรรมทำให้วิญญาณเสียแล้ว มันก็ยากที่จะรักษา

รูปแบบบางประการของระบบป้องกันในการศึกษาคาทอลิก
1. พี่น้อง Cavanis
เริ่มในศตวรรษที่ 19 จากพี่น้อง 2 คน ที่อยู่ในตระกูลสูงคือ Angelo และ Marcantonio ที่ทำงานในเวนิส พวกเขาได้เริ่มตั้งคณะพระนางมารีย์ ซึ่งต่อมาก็พัฒนามาเป็นศูนย์เยาวชน และเป็นโรงเรียนสำหรับคนยากจนและถูกทอดทิ้ง พวกเขาได้ตั้งคณะนักบวชฆราวาสที่ทำงานในโรงเรียนสำหรับคนยากจน และด้อยโอกาส ซึ่งได้มุ่งเน้นไปที่นักเรียนประถมศึกษา และมัธยมศึกษาตอนต้น ดูแลพวกเขาในขณะที่เล่นในกิจกรรม ต่าง ๆ เพื่อป้องกันอันตรายทั้งกาย และจิตใจ โดยยึดหลักการเป็นเหมือนพ่อที่อยู่ท่ามกลางพวกเขา ซึ่งเป็นหลักที่สำคัญในขั้นตอนการอบรม และมีเอกลักษณ์อยู่ที่การดูแลอย่างต่อเนื่อง และมีระเบียบวินัยที่เป็นผลมาจากความรัก และพยายามอบรมในด้านศาสนา และคุณค่าของการเป็นมนุษย์
ในพระวินัยของคณะของท่าน ได้กำหนดหลักการที่สำคัญ คือโอบกอดแบบบิดาด้วยความรัก ต่อเด็ก วัยรุ่น อบรมพวกเขาแบบฟรี ๆ ป้องกันพวกเขาจากอิทธิพลในแง่ลบ และมีความเสียสละไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อย ครูต้องปฏิบัติตามหน้าที่ของตนเองไม่ใช่ในฐานะครู แต่ในฐานะที่เป็นบิดา เพราะฉะนั้นพวกเขาต้องเอาใจใส่เด็กด้วยความรักที่แท้จริง

2. Ludivico Pavoni
Fr.Ludivico รับงานพิเศษเพื่อช่วยเหลือคนยากจนอย่างลึกซึ้ง คุณพ่อได้เริ่มคณะนักบวชที่ทำงานในโรงเรียน และศูนย์เยาวชนเพื่อเยาวชนที่ถูกทอดทิ้งหรือกำพร้า ให้พวกเขามีโอกาสเรียนวิชาชีพ และได้รับความช่วยเหลือพิเศษ เพราะแต่ก่อนนั้นพวกเขาเหมือนเด็กอนาถา และใส่เสื้อผ้าไม่สะอาด พวกเขาจึงไม่กล้าเข้าไปในโรงเรียนหรือศูนย์เยาวชน ซึ่งมีคนมีฐานะอยู่ เพราะฉะนั้นคุณพ่อจึงได้ตั้งคณะนักบุญหลุยส์ในปี 1812 และในปี 1843 จึงได้ตั้งคณะบุตรแห่งพระนางมารีย์ผู้นิรมล เพื่อสนับสนุน และขยายงานที่หลากหลายในการช่วยเยาวชนในขณะนั้น
จุดประสงค์ของคณะนี้ก็เพื่อจะช่วยเยาวชน และเด็ก ๆ ที่อยู่ในระดับชั้นต่ำที่สุด เพราะพวกเขาไม่มีโอกาสอย่างต่อเนื่องในการศึกษา และไม่มีใครดูแลพวกเขาในด้านศีลธรรม ดังนั้นคณะนี้จึงช่วยพวกเขาให้มีการศึกษาที่ดีต่อไป และมีงานทำ มีศีลธรรม และเป็นพลเมืองที่ดีของสังคม และเป็นศาสนิกชนที่ดีของประเทศชาติ
คุณพ่อ Ludovico ได้ใช้วิธีการอบรมแบบป้องกัน คือใช้ศาสนา เหตุผล ความรัก ความรักใจดี ดูแล และช่วยเหลือ ซึ่งคุณธรรมทั้งหมดนี้เป็นโครงสร้างของครอบครัว และเป็นการอุทิศตนอย่างตั้งใจในการทำงาน
สมาชิกในคณะต้องมีคุณธรรมแห่งความสุภาพ เมตตา ความรักใจดี ซึ่งต้องเป็นเอกลักษณ์ของคณะ ถ้าต้องเตือนใครสักคนก็ให้ทำด้วยความรัก และในหนทางของมิตรภาพ
หน้าที่แรกของผู้อบรมทุกคน คือการช่วยเยาวชนให้ทำหน้าที่ของตนเองอย่างดี ด้วยความเข้าใจ ความรักใจดี และติดตามพวกเขา จนพวกเขามอบความไว้วางใจให้เรา ดังนั้นพวกเขาก็จะแก้ไขข้อบกพร่องของตนเองด้วยความรัก และความเข้าใจต่อความหวังดีของเรา และผู้อบรมต้องนำจิตใจของพวกเขาด้วยเหตุผล แบบอย่างที่ดี ความรัก ศรัทธาและหลีกหนีบาป และการผิดศีลธรรม
“ขอให้ความรุ่งโรจน์ของพวกเธอได้ฉายออกมาอย่างสุกใส เมื่อเธอใช้พรสวรรค์ของพวกเธอ เพื่อช่วยเยาวชนให้เป็นคริสตชนที่ดี และเป็นพลเมืองที่ดีของประเทศ”

3. Leonardo Murialdo
ในวิธีการอบรมของคุณพ่อLeonardo ก็มีองค์ประกอบหลายประการในการปฏิบัติที่สามารถนำมาร่วมกันได้ในวิธีการอบรมแบบป้องกัน
คุณพ่อLeonardo เป็นพระสงฆ์ตุริน ท่านได้มาช่วยคุณพ่อบอสโกในการทำงานศูนย์เยาวชน และคุณพ่อก็ได้รับหน้าที่ให้อยู่ที่ศูนย์เยาวชนนักบุญหลุยส์ ของคุณพ่อบอสโก และดูแลในเรื่องของการเรียนภาคค่ำ กิจกรรมวันอาทิตย์ การเรียนในโรงเรียนทุกวัน
คุณพ่อเป็นผู้ที่มีการศึกษาดี และรวย เมื่อคุณพ่อเป็นเยาวชน คุณพ่อได้ต่อต้านการเมืองที่พยายามเดินไปคนละทางกับพระศาสนจักร เพราะฉะนั้นคุณพ่อจึงรู้สึกว่าเป็นหน้าที่ที่ต้องทำเพื่อพระศาสนจักร ในปี 1860 คุณพ่อได้รับหน้าที่ให้เป็นอธิการที่โรงเรียนประจำของยุวกรรมกรซึ่งก่อตั้งโดยคุณพ่อก็อกกี ในปี 1849 และชี้แจงจุดประสงค์ของโรงเรียนดังนี้
- เพื่อส่งเสริมศีลธรรม และการเป็นพลเมืองที่ดีของกรรมกร
- เพื่อช่วยพวกเขาให้เป็นพลเมืองที่มีศีลธรรม และซื่อสัตย์ต่อประเทศชาติ
คุณพ่อได้ขยายกิจกรรมของสถาบันของท่านด้วยการตั้งหอพักกรรมกร โรงเรียนอาชีวะ และโรงเรียนการเกษตร มีบ้านพักสำหรับคนงาน ศูนย์เยาวชน และบ้านของครอบครัวที่ไม่มีที่อาศัย และด้วยเหตุนี้ท่านจึงตั้งคณะนักบุญยอแซฟ เพื่อดูแลกิจการต่าง ๆ เหล่านี้
จุดประสงค์ของคณะนี้คือ เพื่อให้การศึกษาอบรมด้วยความศรัทธา ให้การศึกษา และการสอนอาชีพ แก่เยาวชนที่ยากจน กำพร้า ถูกทอดทิ้ง และผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือทั้งทางด้านร่างกาย และจิตใจ

บทที่ 4 วิธีการอบรมพิเศษของคุณพ่อบอสโก
มีคุณพ่อท่านหนึ่งเขียนไว้ว่า “เป็นเวลากว่า 50 ปี แล้วที่คุณพ่อบอสโกได้เสียสละชีวิตเพื่อให้การศึกษา และสั่งสอนเยาวชนด้วยความสุข และเกิดผลอย่างมากมาย และท่านก็ได้เป็นนักอบรมที่มีชื่อเสียงในสมัยนั้น
คุณพ่อบอสโกเน้นเรื่องการสอนศีลธรรม ด้านพิธีกรรม และกิจศรัทธา คุณพ่อจึงได้สอนเยาวชนในเรื่องของประวัติศาสตร์พระศาสนจักร สอนคำสอน และหลักต่าง ๆ ของคณิตศาสตร์ สอนให้อ่านออกเขียนได้ และสิ่งที่สอนทุกประการนี้ ก็เพื่อเยาวชนจะได้มีศีลธรรม และเป็นพลเมืองที่มีการศึกษา
แหล่งข้อมูลเพื่อจะได้เข้าใจถึงระบบการอบรมของคุณพ่อบอสโก
แม้ว่าคุณพ่อบอสโกจะเขียนจดหมาย และหนังสือมากมาย แต่ว่าในการเขียนของท่านนั้นก็ไม่ได้มีอะไรมากมายที่มีความชัดเจนในเรื่องของระบบป้องกัน เพราะฉะนั้นเราต้องพยายามดึงเอาแนวคิด หรือ ideas ของระบบป้องกันออกมาโดยอาศัยหลักการ และแนวปฏิบัติต่าง ๆ ที่คุณพ่อบอสโกได้แนะนำไว้ และเราก็ต้องจำไว้เสมอว่าระบบป้องกันของคุณพ่อบอสโกนั้นเป็นสิ่งที่มีชีวิต และกำลังดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ
เราต้องพยายามจดจำกิจกรรมแห่งวิธีการอบรมของคุณพ่อบอสโกซึ่งเป็นเพียงส่วนหนึ่งในกิจกรรมที่หลากหลายของท่าน รวมถึงสิ่งที่ท่านสนใจด้วยเพื่อช่วยเหลือเยาวชน
1. ดูแลพวกเขาในความต้องการพื้นฐาน เช่นอาหาร เสื้อผ้า ที่พัก และงาน
2. อภิบาลพวกเขาเพื่อช่วยวิญญาณ และเพื่อจะได้ดำเนินชีวิตและตายในสถานะพระหรรษทาน
3. มีกิจกรรมที่เป็นการกระตุ้นชีวิตจิตให้มีชีวิตชีวา โดยอาศัยหมู่คณะนักบวชที่คุณพ่อบอสโกได้ตั้งขึ้น
ตลอดเวลา 20 ปี คุณพ่อบอสโกได้ปฏิบัติหน้าที่ของการเป็นสงฆ์ในคุก บนถนน ตามลานสาธารณะ และรวบรวมเยาวชนที่ถูกทอดทิ้งเพื่อช่วยพวกเขาให้มีศีลธรรม และทำงานตามความสามารถทางสติปัญญาของพวกเขา มีความรอบคอบเสมอ เพื่อความรอดของวิญญาณตามจุดประสงค์ของคณะของเรา

บทที่ 5 วิธีการอบรมของคุณพ่อบอสโก
1. คุณแม่มาร์การิตา
คุณแม่มีความสำคัญกับคุณพ่อบอสโกมากในเรื่องของการอบรม เพราะว่าคุณแม่เป็นบุคคลที่อบรมคุณพ่อบอสโกด้วยตนเองในช่วงที่คุณพ่อบอสโกเป็นเด็กและอยู่ที่บ้าน คุณแม่ฝึกฝนคุณพ่อบอสโกให้สวดภาวนา มีความศรัทธา ฝึกฝนให้คุณพ่อบอสโกมีความสุภาพ นอบน้อมถ่อมตน และรับผิดชอบต่องานที่ได้รับมอบหมาย
องค์ประกอบที่สำคัญมากในบุคลิกภาพของคุณพ่อบอสโก คือ ชีวิตที่บ้าน นิสัยแห่งการภาวนา ทำหน้าที่ของตนเอง เสียสละ เรียนรู้ที่จะอ่าน และเขียนจากพระสงฆ์หลายองค์ในช่วงมัธยมศึกษา
นอกจากนั้นคุณแม่ยังเตรียมตัวคุณพ่อบอสโกในการรับศีลอภัยบาป และศีลมหาสนิทครั้งแรกด้วย และคุณพ่อบอสโกก็ได้ใช้การละเล่น และกายกรรม เป็นเครื่องมือในการช่วยเหลือเพื่อน ๆ ให้มีความศรัทธา และใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์
2. การอบรมในโรงเรียนระยะแรก ๆ (1830-1835)
ประสบการณ์ของคุณพ่อบอสโกในระยะนี้ทั้งที่คาสเตลนูโอโว และที่กีเอรี เป็นช่วงเวลาที่สำคัญ เพราะว่าประสบการณ์เหล่านี้ได้ช่วยท่านในการจัดการศึกษาในรูปแบบต่าง ๆ ในเวลาต่อมาอย่างดี เช่น การตั้งโรงเรียนนักเรียนประจำ การสอนจริยธรรม การปฏิบัติกิจศรัทธา และการสร้างระเบียบวินัย เป็นต้น
3. สามเณราลัยที่กีเอรี (1835-1841)
บางทีโครงสร้างแห่งชีวิตจิต และศีลธรรมของคุณพ่อบอสโกอาจไม่ได้มาจากการศึกษาในปรัชญา และเทววิทยาของท่านมากนักตอนอยู่ที่กีเอรี แต่ว่าเรื่องของการสร้างระเบียบวินัยเป็นสิ่งที่สำคัญที่บ้านเณรได้เรียกร้องให้ปฏิบัติอย่างเคร่งครัดในการทำหน้าที่ของตนเองอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นการสวดภาวนา การร่วมมิสซา การรำพึง การสวดสายประคำ อ่านหนังสือศรัทธา การรับศีลอภัยบาป และการอ่านหนังสือต่าง ๆที่มีประโยชน์ทั้งทางสติปัญญา และด้านชีวิตจิต
4. สถาบันอบรมพระสงฆ์หนุ่มที่คอนวิตโต ตุริน (1841-1843)
ในที่นี่เองคุณพ่อบอสโกได้เรียนรู้ในการเป็นพระสงฆ์ที่ดีที่ร้อนรนที่จะทำงานเพื่อวิญญาณ เป็นช่วงเวลาที่คุณพ่อบอสโกได้ทำงานหรือทำหน้าที่แห่งการเป็นพระสงฆ์อย่างจริงจังเพื่อความรอดพ้นของวิญญาณ และตารางเวลาต่าง ๆช่วยให้คุณพ่อบอสโกได้ฝึกฝนความศรัทธามากขึ้น การทุ่มเทในการเรียน การอ่าน มีประสบการณ์ในการอภิบาล และมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์
บุคคลที่มีอิทธิพลต่อคุณพ่อบอสโกมากในช่วงนี้ก็คือ คุณพ่อกาฟาสโซ คุณพ่อกวาลา และพระสงฆ์ที่ดี ๆ อีกหลายองค์ คุณพ่อบอสโกมีโอกาสอ่านหนังสือมากมาย และมีประสบการณ์ที่หลากหลายในการทำงานอภิบาลที่ตุริน ไม่ว่าจะเป็นสถานสงเคราะห์เด็กหญิงของคุณหญิงบาโรโล และศูนย์เยาวชนวันอาทิตย์ของท่านเอง
5. บุคคลสำคัญในการปฏิรูปพระศาสนจักร
ในหัวข้อนี้เราจะมาพิจารณาถึงความคล้ายคลึงของกิจการต่าง ๆที่คุณพ่อบอสโกได้ทำโดยได้เรียนรู้มาจากนักบุญต่าง ๆ ในพระศาสนจักรที่มีความโดดเด่นในเรื่องการให้การศึกษา การช่วยเหลือคนยากจน หรือการส่งเสริมด้านชีวิตจิตที่ลึกซึ้ง โดยได้รับข้อเรียกร้องในการปรับเปลี่ยน หรือในการศึกษาแนวทางจากสภาสังคายนาเมืองเตรน เช่น นักบุญปีโอที่ 5 นักบุญเทเรซาแห่งอาวีลา นักบุญชาลส์ โบโรเมโอ นักบุญฟิลิป เนรี นักบุญฟรังซิส เดอ ซาลส์ และนักบุญวินเซนต์ เดอ ปอล
นักบุญฟิลิป เนรี ได้เริ่มปฏิบัติในงานด้านเมตตาธรรม ที่ขอทาน คนป่วย และทุกคนที่ต้องการความช่วยเหลือมากที่สุด ท่านเดินไปตามถนน ลานสาธารณะ เพื่อช่วยเหลือเยาวชนที่ยากจน ที่ถูกทอดทิ้ง ท่านรวบรวมพวกเขาแล้วเล่าเรื่องที่น่าขบขัน มีการละเล่นอย่างบริสุทธิ์ ท่านปกป้องพวกเขาจากอิทธิพลของความชั่วร้ายในโลก และสอนเขาให้รู้จักความเชื่อที่แท้จริง ท่านจึงได้เริ่มศูนย์เยาวชน ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อช่วยเยาวชนที่ยากจน และคนธรรมดา
พระเจ้าประทานนักบุญฟิลิปให้มาช่วยเยาวชน และดูแลพวกเขาด้วยความรัก ด้วยความใจดี ท่านชอบแจกลูกอม เหรียญรูปพระ และเชื้อเชิญเยาวชนให้ทำสิ่งที่เป็นประโยชน์เช่น การร้องเพลง การเล่นดนตรี เล่นเกมส์ และอื่น ๆ นอกจากนั้นท่านก็ไม่ละเลยเรื่องการให้อาหารด้วย เพราะฉะนั้นท่านจึงไม่มีความกังวลเรื่องงเงิน ถ้าสิ่งนั้นทำเพื่อผลกำไรแห่งวิญญาณเพื่อพระเจ้า
นักบุญฟรังซิส เดอ ซาลส์ คุณพ่อบอสโกได้เขียนสิ่งหนึ่งเกี่ยวกับนักบุญฟรังซิส เดอ ซาลส์ใน Storia Ecclesiastica ว่า “ท่านได้รับการผลักดันด้วยเสียงเรียกของพระเจ้าที่ตรัสเรียกท่านสำหรับสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ท่านจึงไปที่ Chablais โดยมีความอ่อนหวาน และความเมตตาเป็นอาวุธ ท่านเทศน์สอนด้วยความอดทน ท่านเขียน และทำสิ่งอัศจรรย์ที่ยิ่งใหญ่ ท่านทำให้ปัญหาต่าง ๆ สงบลง ท่านชนะบรรดาศัตรูด้วยการทำให้พวกเขากลับมารับความเชื่อคาทอลิกอย่างเดิม”
คุณพ่อบอสโกในบันทึกศูนย์เยาวชน ก็ได้เขียนว่า งานของเราซึ่งเป็น งานที่ต้องใช้ความพากเพียร และความสุภาพ เราต้องฝากตัวเราไว้ในการปกป้องของท่านนักบุญ ซึ่งท่านจะช่วยวิงวอนพระเจ้าเพื่อกิจการงานของเรา ศูนย์เยาวชนจึงอยู่ภายใต้ความคุ้มครองของนักบุญฟรังซิส เดอ ซาลส์ เพราะซาเลเซียนทำงานเพื่อเยาวชนโดยเลียนแบบอย่างจากท่านในเรื่องของความรัก และความใจดี คุณพ่อบอสโกได้กล่าวในมิสซาแรกว่า “ความรัก และความอ่อนหวานของนักบุญฟรังซิส เดอ ซาลส์จะนำข้าพเจ้าในทุกสิ่ง”
6. ประสบการณ์ที่ศูนย์เยาวชน
กิจการประเภทต่าง ๆ ของคุณพ่อบอสโก เริ่มต้นด้วยการสอนคำสอนแก่ บาร์โธโลมิว กาเร็ลลี
จากการทดลองที่ตุริน คุณพ่อบอสโกได้เริ่ม และพัฒนาศูนย์เยาวชนของท่านในขอบเขตของการปฏิรูปพระศาสนจักร และโดยเฉพาะอย่างยิ่งแบบอย่างศูนย์เยาวชนของนักบุญชาลส์ โบโรเมโอ ท่านได้ส่งเสริมการสร้างกลุ่มเพื่อนที่มีความเชื่อ และจัดให้มีการสอนคำสอนให้กับชนทุกระดับชั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็ก ๆ และเยาวชน ต่อมาทีละเล็กละน้อย อย่างค่อยเป็นค่อยไป ท่านได้เริ่มขยายกิจกรรมการสอนคำสอน ด้วยการให้การศึกษา และการหย่อนใจต่าง ๆ
คุณพ่อเลโมเยได้พบประโยคหนึ่งในระหว่างเอกสารต่าง ๆ ของคุณพ่อบอสโกว่า “กฏเกณฑ์ต่าง ๆ ในศูนย์เยาวชนนักบุญหลุยส์ ในมิลาน ปี1842 นั้น เป็นกฎสำหรับเด็ก ๆ ในศูนย์เยาวชนภายใต้การอุปถัมภ์ของครอบครัวศักดิ์สิทธิ์”
7. การติดต่อกับภราดาที่ทำงานในโรงเรียนคาทอลิก
ในประวัติของคุณพ่อบอสโกได้ให้ข้อมูลมากมายเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของคุณพ่อบอสโกกับภราดาในโรงเรียนคาทอลิกเกี่ยวกับการทำงานอภิบาลของท่านท่ามกลางพวกเขา และเกี่ยวกับการริเริ่มบางอย่างที่มีความคล้ายกันเช่น การเรียนภาคค่ำ การพิมพ์ การเผยแพร่ระบบทศนิยม ซึ่งได้รับการยอมรับในปี 1846 และนิยมกันมากในปี 1850
8. ระบบป้องกันในการอบรมเยาวชน
ที่สุดในปี 1877 คุณพ่อบอสโกได้เขียนหนังสือเล่มเล็ก ๆ ที่ชื่อว่า “ระบบป้องกันในการอบรมเยาวชน” และท่านได้อธิบายประสบการณ์ส่วนบุคคลของท่านอย่างง่าย ๆ แต่มีความหมายที่แสดงออกมาอย่างดี สั้น ๆ และสามารถประยุกต์ได้ในการทำงานที่สำคัญเพื่อการอบรมเยาวชน
มันไม่ใช่ครั้งแรกที่คุณพ่อบอสโกได้อธิบายเกี่ยวกับหลักพื้นฐานในวิธีการอบรมเยาวชนของท่าน แต่มีโอกาสมากมายที่ท่านได้รับเชิญให้อธิบายในหลักที่สำคัญซึ่งท่านได้รับการดลใจในประสบการณ์ของท่าน และวิธีการอบรมเยาวชน
เช่นเดียวกันในปี 1854 ท่านรัฐมนตรีอูร์บาโน รัททัสซี ก็ได้อธิบายถึงจุดที่สำคัญในระบบป้องกันซึ่งมีความขัดแย้งกันระหว่างระบบ Repressive และ Preventive
ระบบ Repressive เป็นการอบรมที่บังคับ และลงโทษเมื่อฝ่าฝืน ส่วน Preventive จะอบรมด้วยความรักใจดี และมีความไว้วางใจกันพร้อมกับช่วยเยาวชนให้สามารถปฏิบัติตามกฏได้อย่างดีอย่างสมัครใจ
ในระบบป้องกัน เราพยายามที่จะทำให้เยาวชนรู้สึกว่าพระเจ้านั้นเห็นพวกเขาเสมอ เราจะสอนเขาด้วยความรัก และสอนให้หนีห่างจากกิเลสต่าง ๆ ด้วยการสอนคำสอน และสอนศีลธรรมอย่างเหมาะสม เรามุ่งตรงที่จะช่วยเหลือพวกเขาไปในหนทางแห่งความดี ให้โอกาสที่ดี แนะนำเขา และช่วยเขาให้ปฏิบัติกิจศรัทธาอย่างดี
9. หนังสือเกี่ยวกับระบบป้องกันที่คุณพ่อบอสโกได้เขียน
คุณพ่อบอสโกได้เขียนในปี 1877 ระหว่างที่คุณพ่อบอสโกอยู่ที่นิเช่ ซึ่งท่านได้เปิดโรงเรียนภายใต้ความคุ้มครองของนักบุญเปโตรไว้ที่นั่น ท่านได้พิมพ์เป็นภาษาอิตาเลียน และภาษาฝรั่งเศส เพราะว่ามีหลายคนทั้งในอิตาลี และฝรั่งเศสได้ขอหนังสือเล่มนี้กับท่านเพื่อจะได้มีความรู้ที่ดีกว่า และถูกต้องในการอบรมเยาวชน
คุณพ่อบอสโกได้ใช้เวลาในการเขียนหนังสือเล่มนี้หลายวัน ท่านเขียนแล้วเขียนอีกถึง 3 ครั้ง เพื่อหนังสือจะได้เรียบร้อยและตรงตามเจตนาในการเขียนของท่าน
คุณพ่อบอสโกได้เล่าว่า “วันหนึ่งพ่อได้ใช้เวลาในการเขียนจากความคิดของพ่อเท่าที่มันจะเข้ามา เพื่อให้มันเสร็จเพราะว่ามันยากมาก จากนั้นพ่อก็เริ่มเขียนใหม่ และเขียนใหม่ และเขียนใหม่อีก เป็นเวลาหลายครั้ง แต่ว่าในเวลานี้พ่อคิดว่างานเล็ก ๆ นี้มีประโยชน์มากในฝรั่งเศส และช่วยเหลือพวกเขาให้ทำงานอย่างดีกว่า และระบบป้องกันเราก็ใช้ในสถาบันของเราด้วย”
10. ความรักเป็นวิญญาณของกระบวนการอบรม
ในเรื่องของความรักนั้น เราควรที่จะรับความรักมากกว่าความกลัว และทำให้ความรักเป็นวิธีการที่นำเราในหมู่คณะแห่งผู้อบรม และเป็นวิญญาณของกระบวนการที่มีความสำคัญในการแนะนำส่วนตัว ซึ่งคุณพ่อบอสโกได้ใช้กับเยาวชน ท่านได้บอกกับคุณพ่อรัวว่า”พยายามทำตนเองให้คนอื่นรัก มากกว่าให้คนอื่นกลัว”
เราจะพบการแนะนำที่คล้าย ๆ กันนี้ในพระวินัยของคณะนักบุญเอากุสตินที่ว่า “มันเป็นสิ่งที่สำคัญ และจำเป็นสำหรับเธอที่จะเป็นที่รักมากกว่าจะเป็นที่เกรงกลัวของผู้อื่น” เราพบเช่นเดียวกันในพระวินัยคณะเบเนดิ๊กตินที่บอกกับอธิการแต่ละหมู่คณะว่า “พยายามทำให้คนอื่นรักมากกว่าทำให้คนอื่นกลัว”
นี่คือหัวใจของระบบป้องกันซึ่งคุณพ่อบอสโกได้เขียนไว้ว่า “มันไม่เพียงพอที่เราต้องรักเด็ก แต่ว่าเราต้องช่วยเขาให้เข้าใจในความรักที่เรามีให้เขาด้วย” เราต้องรักในสิ่งที่เด็กรัก และเด็กก็จะรักในสิ่งที่เราต้องการให้เขาทำ” กล่าวคือ เราต้องอยู่ท่ามกลางพวกเขาไม่ว่าจะเป็นการหย่อนใจ การละเล่น แม้ว่าจะดูเหมือนมันวุ่นวาย แต่ด้วยความระแวดระวัง และความรัก มันก็จะช่วยให้เด็กได้เข้าใจในศาสนา และจุดมุ่งหมายของศีลธรรมที่แสวงหาความดีทั้งฝ่ายกายและฝ่ายจิตของตัวเด็กเอง และปล่อยให้เด็กมีอิสระอย่างเต็มที่ในการทำสิ่งที่เขาชอบ และส่งเสริมสิ่งที่ดีในตัวเขา พร้อมกับแนะนำเขาในสิ่งที่ไม่ดี
บทที่ 6 การงาน จิตตารมณ์ และรูปแบบ
การที่เราพยายามที่จะสรุปองค์ประกอบของระบบป้องกันของคุณพ่อบอสโก เราก็ต้องพิจารณาองค์ประกอบที่มีความเกี่ยวข้องกับบุคลิกภาพของคุณพ่อบอสโกด้วย
1. คุณแม่ของท่าน
กิจกรรมต่าง ๆที่คุณพ่อบอสโกได้ทำเพื่อช่วยเยาวชนนั้นได้เริ่มต้นอย่างมีความหมายในปี 1841 ด้วยการสอนคำสอน แต่ว่ามันก็ได้กลับกลายเป็นการรวบรวมรูปแบบแห่งความรักอื่น ๆ อย่างรวดเร็ว กล่าวคือ การรับเด็กที่ไม่มีอาหาร การให้เสื้อผ้า และการช่วยเหลือในด้านอื่น ๆ โดยมีจุดประสงค์เพื่อช่วยพวกเขาให้ซื่อสัตย์ในการทำงานอย่างสุจริต
บางครั้งคุณพ่อบอสโกก็ต้องขอความช่วยเหลือจากท่านโซลาโรบ้าง หรือจากคนอื่น ๆ บ้าง เพาะว่าท่านไม่มีเงินที่จะซื้ออาหารเพื่อเด็ก ๆ ท่านต้องทำเพื่อความดีของเด็ก ๆ คุณพ่อบอสโกต้องการที่จะทำงานในกลุ่มใหญ่ ๆ เพื่อช่วยเหลือเด็ก ๆให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ท่านได้ทำงานกับเยาวชนที่ยากจน ถูกทอดทิ้ง กำพร้า และอยู่ในอันตราย จากนั้นท่านก็เริ่มการสอนเรียนภาคค่ำ การร้องเพลง การเล่นดนตรี และการสอนความรู้ทั่ว ๆ ไป ท่านกล่าวว่า ถ้าไม่มีเสียงดนตรี หรือการอ่านหนังสือที่สนุกสนานก็ทำให้ศูนย์เหมือนร่างกายที่ไร้วิญญาณ
ต่อมาในปี 1871-1872 ท่านได้ช่วยเยาวชนอย่างดีกว่าเพื่ออนาคตของพวกเขา ท่านได้เริ่มโรงเรียนประถมศึกษา ซึ่งเริ่มที่วัลด๊อกโก และได้ขอความช่วยเหลือจากผู้ว่าราชการจังหวัดด้วย
เด็กส่วนมากเป็นเด็กที่พ่อแม่ไม่ค่อยสนใจ หรือเพราะว่าเขาไม่มีระเบียบวินัยจึงใช้ชีวิตไปวัน ๆ อยู่ตามถนน พวกเด็กเหล่านี้จะได้เรียนฟรี บางคนได้อุปกรณ์การเรียนฟรีด้วย คุณพ่อบอสโกต้องการช่วยพวกเขาให้มีการศึกษาที่ดี ท่านได้เริ่มหอพักนักเรียนประจำด้วย อีกทั้งยังมีโรงเรียนทั้งสายสามัญและอาชีวะศึกษาเพื่อช่วยเยาวชนให้เป็นคริสตชนที่ดี และเป็นพลเมืองที่ดีของประเทศชาติ
คุณพ่อบอสโกได้เปิดโรงเรียนใหม่แห่งมิราเบลโล ที่ลานโซ และจากนั้นก็เริ่มออกไปสู่จังหวัดต่าง ๆ ในอิตาลี และออกไปเรื่อย ๆ จนสู่ทั่วโลก
นอกจากนั้นแล้วคุณพ่อบอสโกยังเอาใจใส่ต่อกระแสเรียกต่อการเป็นนักบวช พระสงฆ์ด้วย ท่านจึงสร้างบ้านอบรมขึ้นโดยขอความช่วยเหลือจากผู้มีพระคุณ
คุณพ่อบอสโกได้ทุ่มเทชีวิตในการทำงานเพื่อเยาวชนเป็นอย่างมาก นอกจากนั้นท่านยังช่วยเหลือพระศาสนจักรอย่างมากด้วยเช่นกัน และท่านได้ตั้งคณะซาเลเซียน และคณะธิดาแม่พระองค์อุปถัมภ์ ซึ่งเป็นคณะนักบวชที่สืบสานเจตนารมณ์ของท่านด้วย
ท่านทุ่มเทอย่างมากในการทำงานที่หลากหลาย และมากมายเพื่อช่วยเยาวชน และเพื่อพระสิริรุ่งโรจน์ของพระเจ้า และความรอดพ้นของวิญญาณ ตามคติพจน์ที่ท่านได้ตั้งใจไว้ “ขอแต่วิญญาณ สิ่งอื่นไม่ต้องการ”
2. บุคลิกภาพ และรูปแบบของคุณพ่อบอสโก
สิ่งที่มีความลึกซึ้ง และทำให้คุณพ่อบอสโกมีพลังในการทำงานทั้งหมดก็คือความรัก เป็นความรักซึ่งมีความลึกซึ้งในพระเจ้า และความรักต่อมนุษยชาติที่ผุดขึ้นมาจากความเชื่อในศาสนา และกระแสเรียกของท่านในฐานะที่เป็นพระสงฆ์ คุณพ่อบอสโกมีพระพรพิเศษในการทำงานเป็นนักอบรม ผู้นำ ผู้นำฝ่ายจิต ซึ่งช่วยท่านให้ปฏิบัติตามภารกิจที่ท่านได้รับมอบจากพระเจ้า
2.1 ธรรมประเพณีที่ทันสมัย
คุณลักษณะที่เด่นชัดที่สุดแต่ว่าไม่ได้สำคัญที่สุดก็คือความทันสมัยของคุณพ่อบอสโก แต่ว่าท่านได้ยึดไว้เพื่อจะได้เป็นประเพณีที่ดี ซึ่งเป็นพื้นฐานในคุณธรรมของท่าน เช่น ชีวิตครอบครัว ความซื่อสัตย์ การทำงานมาก การเสียสละ การปฏิบัติศาสนา ซึ่งทุกสิ่งเหล่านี้สามารถสรุปได้ว่า “มีความซื่อสัตย์ในความคิดทั้งหมดเกี่ยวกับชีวิตในฐานะที่เป็นพระสงฆ์คาทอลิก”
คุณพ่อบอสโกมีความยากลำบากในสถานการณ์ทางการเมือง ท่านไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการเมือง ท่านพยายามที่จะเป็นเพื่อนของทุกคนทั้งกับผู้นำทางการเมืองด้วย และยังคงมีความซื่อสัตย์ต่อพระสันตะปาปาเสมอ ท่านพร้อมที่จะร่วมมือกับประชาชนเพื่อความดีของส่วนรวม และศาสนา
ในบางโอกาสคุณพ่อบอสโกได้ชี้แจงว่า มันเป็นสิ่งที่จะต้องจดจำว่า ถ้าเราต้องการที่จะประสพความสำเร็จในการทำงาน เราต้องหลีกเลี่ยงการเมือง ไม่ว่าจะทำให้ต่อต้าน จุดประสงค์ของเราต้องทำความดีเพื่อเยาวชน สิ่งที่เราจะทำนั้นต้องได้รับการดลใจจาก พระเจ้าซึ่งจะสอนเราทีละเล็กละน้อยให้มีพื้นฐานที่พระองค์ต้องการ
ท่านได้เขียนจดหมายถึงรัฐมนตรีลานซาว่า “พ่อเขียนมาด้วยความไว้วางใจ และสามารถที่จะยืนยันว่า แม้ว่าพ่อจะเป็นพระสงฆ์คาทอลิก และอุทิศตนเพื่อองค์สมเด็จ พระสันตะปาปา แต่พ่อก็ขอแสดงความซื่อสัตย์ต่อรัฐบาลเสมอในฐานะที่เป็นประชาชนคนหนึ่ง พ่อพร้อมที่จะช่วยเหลือ และรับใช้ด้วยพลังอันน้อยนิดที่พ่อมีอยู่ ถ้าสิ่งที่พ่อจะทำนั้นมันเป็นสิ่งที่ช่วยทั้งรัฐบาล และศาสนาพ่อยินดีช่วยเหลือ”
2.2 ความจริง ความรอบคอบ และความแน่ชัด
คุณพ่อบอสโกบอกว่าสิ่งที่ดีที่สุดคือศัตรูแห่งความดี ซึ่งหมายความว่าในบางเวลาเมื่อมันเป็นสิ่งที่เป็นไปได้สำหรับเราที่จะได้รับสิ่งที่ดีที่สุด เราก็ควรจะพอใจในจุดมุ่งหมายที่ดีของเรานั้น เพราะว่านั้นคือสิ่งที่เป็นไปได้ที่เราจะได้รับในสภาพแวดล้อมพิเศษ”
คุณพ่อยังได้เขียนว่า “พ่อเห็นด้วยกับพวกเธออย่างมากที่จะพยายามแสวงหาสิ่งที่ดีที่สุด แต่ในสถานการณ์ที่พิเศษเหล่านั้นบ่อยครั้งเราก็พอใจกับสิ่งที่เป็นไปได้ เราสามารถที่จะได้รับมาจากสถานการณ์พิเศษ”
ตัวอย่างเช่นในเรื่องของการที่คุณพ่อบอสโกหาเงินสร้างพระวิหารพระหฤทัยที่กรุงโรม ท่านมีความยากลำบากมาก แต่ท่านก็มีความอนทน ท่านกล่าวว่า “พ่อพยายามมีความอดทนเสมอ พ่อจะทำในสิ่งที่พ่อทำได้ ไม่กังวล แต่มีความยินดีเสมอ”
2.3 ความใจกว้าง และความแม่นยำ
คุณพ่อบอสโกมีความจำดีมากในการทำงาน และในการวางแผนที่ดี ท่านมีความคิดริเริ่ม และท่านมีการติดตามผู้ร่วมงานกับท่านให้พัฒนาอยู่เสมอ
“ทุกสิ่งที่จะเป็นประโยชน์สำหรับเยาวชนซึ่งมีความเสี่ยง หรือช่วยวิญญาณของเขาให้หันมาหาพระเจ้า พ่อกล้าที่จะวิ่งไปข้างหน้าโดยไม่กลัวสิ่งใดทั้งสิ้น” เพราะฉะนั้นโครงการต่าง ๆ ของคุณพ่อบอสโกจึงช่วยเหลือเยาวชนที่ยากจน ถูกทอดทิ้ง และมีความเสี่ยงในอันตรายที่จะติดคุก เพื่อช่วยพวกเขาให้เป็นพลเมืองที่ดี และเป็น คริสตชนที่สะท้อนจุดประสงค์ของท่านได้อย่างแม่นยำ
2.4 การอุทิศตนทั้งครบ
คุณพ่อบอสโกได้รับการเจิมให้อุทิศตนทั้งครบเพื่อเยาวชน ภารกิจของท่าน และคติพจน์ของท่าน เพื่อช่วยเยาวชนให้พ้นจากบาป และช่วยให้พวกเขาได้เอาวิญญาณรอด และเพื่อพระสิริรุ่งโรจน์ของพระเจ้า
2.5 มนุษย์ซึ่งมีใจที่อ่อนโยน
แม้ว่าคุณพ่อบอสโกจะหมดแรง แต่คุณพ่อบอสโกไม่เคยหยุดที่จะแสดงออกถึงความรักต่อประชาชนจนกระทั้งถึงวาระสุดท้าย
หัวใจของท่าน และความสามารถของท่านที่จะแสดงออกด้วยความรัก เป็นความจริงที่แสดงออกอย่างกว้างขวางและลึกซึ้ง ความรักของท่านเป็นความรักเยี่ยงบิดาที่แสวงหาที่จะช่วยเหลือ และอบรมลูกของตน เยาวชนเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว และเป็นส่วนหนึ่งของบ้าน
ท่านเขียนถึงอธิการให้บอกเยาวชนว่า “คุณพ่อบอสโกฝากทักทาย และภาวนาสำหรับพวกเขาแต่ละคน” มีหลายครั้งที่ท่านเขียนว่า “ท่านไปเยี่ยมพวกเขา และภาวนาสำหรับพวกเขาในบ้านต่าง ๆ และต้องการบอกสิ่งต่าง ๆเหล่านี้กับพวกเขา”
“คุณพ่อบอสโกรักพวกเธอในพระเจ้าด้วยความรักสุดหัวใจ” – “พ่อจะระลึกถึงพวกเธอในคำภาวนา และในมิสซา ......”
เราสามารถที่พูดได้จริง ๆ ว่าวิธีการอบรมของคุณพ่อบอสโก ไม่ได้เป็นแค่ทฤษฎีหรือระบบเท่านั้น แต่อันดับแรกมันเป็นชีวิต เป็นแบบอย่างแห่งความดีส่วนบุคคลที่เห็นได้ชัดเจน คงจะไม่มีการอธิบายในวิสัยทัศน์ใด ๆ เลย ถ้าเราไม่พยายามที่จะให้ความหมายของมัน และไม่พยายามจดจำมันอย่างต่อเนื่องและโปร่งใส เพราะมันเป็นบ่อเกิดที่มีชีวิตแห่งการดลใจ

วันกตัญญูของศูนย์เยาวชนดอนบอสโก สามพราน







เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2552 ที่ผ่านมา ศูนย์เยาวชนดอนบอสโก ได้จัดงานวันกตัญญูให้กับสมาชิกของศูนย์เพื่อแสดงออกซึ่งความกตัญญูต่อคุณพ่ออธิการ คุณพ่อ บราเดอร์ ซิสเตอร์ และพี่เลี่ยงทุกท่าน ที่ได้จัดกิจกรรมสำหรับพวกเขาทุก ๆ อาทิตย์ ใน 1 ปีการศึกษาที่ผ่านไป
เด็ก ๆ ได้แสดงออกถึงความสามารถของพวกเขา ไม่ว่าจะเป็นการเต้น การฟ้อนรำ การร้องเพลง เพื่อมอบเป็นของขวัญขอบคุณทุกคน